Saturday, December 6, 2014

มันฟิน (Muffin)

 มัฟฟิน (Muffin)



                   มัฟฟิน (Muffin) ที่เรารู้จักกันเป็นขนมที่ถือกำเนิดในอเมริกา ซึ่งบางคนอาจจะสับสนกับคัพเค้กที่หน้าตาใกล้กัน มัฟฟิ่นนั้น จะไม่ได้มีรสหวานเท่าคัพเค้ก และไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาสวยๆ แต่จะนิยมใส่ไส้ต่างๆมากกว่า อย่างที่เราคุ้นเคยกันก็พวก ช็อกโกแลตชิป บลูเบอร์รี่ กล้วย ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ ฟักทอง ต่อมา แทบทุกอย่างก็ใส่ในมัฟฟิ่นได้หมด ตั้งแต่ส้ม แครอท อัลมอนด์ กระทั่งแตงกวาก็ยังมีเลย 





                        สำหรับมัฟฟินนั้น เป็นเมนูยอดนิยมในหนังสือสูตรอาหารของคนอเมริกันมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 19 โดยที่สูตรมัฟฟิ่นนั้นมีทั้งแบบใช้ยีสต์ และไม่ใช้ แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยพบเห็นมัฟฟิ่นที่ใช้ยีสต์กันอีกแล้ว ขนาดของมัฟฟิ่นโดยทั่วไปก็จะมีขนาดพอดีมือของผู้ใหญ่ปกติ และนิยมทานในช่วงเวลาเช้าๆ บางคนก็ทานเป็นมื้อเช้าไปเลย (เหมือนน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋) แล้วก็ยังกินได้ในหลายโอกาส  เมื่อพูดถึงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ คนอเมริกันที่ถือเป็นที่รู้จักในการทำมัฟฟินก็มีมัฟฟินอาหารเช้าของเขา เรียกว่า Corn Muffin ทำจากข้าวโพดนี่แหละ หน้าตาจะเพลนๆ รสชาติก็เหมือนกินพวกซีเรียล  แต่ออกอารมณ์ขนมปัง ตัดมาทาเนยกินได้ จุ่มกาแฟอะไรอย่างนี้ ถือเป็นอาหารยอดนิยมอีกอย่าง มัฟฟินถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของคนอเมริกันเค้า และในบางรัฐ มัฟฟินก็เป็นอาหารประจำเมืองด้วย  อย่างในรัฐ Massachusetts มัฟฟินประจำเมืองของเขาก็เป็นมัฟฟินยอดนิยมคือ Corn Muffin ในรัฐ Minnesota มัฟฟินประจำรัฐก็คือมัฟฟินที่เป็นที่นิยมทั่วโลกอย่าง Blueberry Muffin  และที่ขาดไม่ได้คือ New York ซึ่งมัฟฟิ่นประจำรัฐก็ตามสัญลักษณ์ของรัฐคือ Apple Muffin นั่นเอง




                     มัฟฟิ่นนั้น เป็นขนมที่ทำได้ง่ายและไม่ค่อยยุ่งยาก เหมือนกับคัพเค้กที่ใช้เวลาไม่นานในการทำ จึงเป็นที่นิยมและขายดิบขายดี และในทุกๆร้านกาแฟ ยังไงเราก็ต้องเห็นมัฟฟิ่นประดับตู้แทบทุกร้าน ข้อดีของมัฟฟิ่นอีกอย่างที่สาวๆคงจะชอบก็คือ มันไม่ทำให้อ้วนแบบโดนัทหรือพวกขนมเดนิชทั้งหลาย



มัฟฟิ่นข้าวโพด อีกเมนูยอดนิยมของคนอเมริกัน




มัฟฟิ่นแบบอังกฤษ








Special Thanks
Credit by




มาการอง (Macaron)

มาการอง ( Macaron )


       Macaron อ่านว่า "มะกาฮอง" 
(บ้างก็อ่าน มากาครอง หรือ มากาครง)เป็นขนมของชาติฝรั่งเศส


                เป็นขนมหวานที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนประกอบหลักของ Almond น้ำตาล และไข่ขาว มีลักษณะคล้ายคุ้กกี้ชิ้นเล็กสองอันประกบกันมีไส้ตรงกลาง มีสีสันสดใส กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ตรงกลางด้วยกานาช (Ganache) มีหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลต สตรอเบอร์ รี่ วานิลลา อัลมอนด์ หรือผลไม้ตามฤดูกาล เป็นต้น มักนิยมทานคู่กับชา หรือ กาแฟ   มากาครองเป็นขนมที่จัดอยู่ในพวก เมอแรงค์ (Meringue) ซึ่งเป็นชนิดของขนม มักจะเกี่ยวข้องกับอาหารสวิสเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศสที่ทำจาก วิปปิ้ง ไข่ขาว และน้ำตาล มากาครองทำด้วย ไข่ขาว, น้ำตาลไอซิ่ง, น้ำตาลทราย, ผงอัลมอนด์หรืออัลมอนด์บด และ สีผสมอาหาร   คุณลักษณะของมาการองที่ดี จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้กานาชและเนื้อคุกกี้ ส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่มีขนาดเท่า ๆ กัน รวมทั้งไส้ที่บีบพอดีขอบให้เห็นเป็นเส้นเล็ก ๆ ตลอดทั้งชิ้น




                   มาการอง (Macaron) มีประวัติศาสตรยาวนานหลายร้อยปี และช่วง 5-6 ปีมานี้ ชาวปารีสและเหล่าฟู๊ดดี้ในประเทศโลกเจริญแล้ว ต่างคลั่งไคล้ใหลหลงคุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ 2ชิ้นประกบกัน ตรงกลางมีไส้ หน้าตาเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ รสหวาน สีสันสดใส และราคาสูงจนน่าตกใจ และวันนี้ร้านขนมในเมืองไทยหลายร้าน เริ่มผลิตมาการองออกวางขายกันไม่น้อย แม้ผู้บริโภคจะยังไม่ต่อคิวรอซื้อมากินกันเป็นล่ำเป็นสันก็ตาม เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส




                 ในยุคข้าวยากหมากแพง ช่วง Frenchrevolutionที่มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงนั้นมิชชันนารีชาวอิตาลี ที่อาศัยในฝรั่งเศสหาวิธีทำดำรงชีพจากAlmond น้ำตาล และไข่ขาว ซึ่งเป็นของราคาไม่แพง แต่มีคุณค่าทางอาหาร จึงริเริ่มนำสามอย่างนี้มาตีรวมกันและอบในเตาอบ ออกมาเป็นขนมรูปร่างคล้ายจานบิน ด้านนอกกรอบนิดๆ กัดเข้าไปด้านใน ทุกอณูนิ่มละลายในปากทันที ด้วยรสชาติที่หอมหวานลงตัว และวัตถุดิบที่หาง่ายในยุคนั้นราคาไม่แพงมาการองจึงได้รับความนิยมแพร่หลาย
จนกระทั่งต่อมามีผู้นำมาการองสองอันมาประกบกันแล้วทำไส้อยู่ตรงกลางซึ่งเป็นรูปแบขนมmacaronที่รับประทานมาจนทุกวันนี้มาการองยุคใหม่ ถูกปฏิวัติให้เจ๋งยิ่งขึ้นโดยพ่อมดของหวานชาวฝรั่งเศส Piere Herme' ซึ่งนำผลไม้จากทุกมุมโลกมาสร้างสรรค์มาการองรสชาติต่างๆ จนกระทั่งกลายเป็นขนมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันขนมชนิดนี้เป็นทั้งของหวานแสนอร่อย เป็นทั้งแฟชั่น ที่เชฟเทพๆทั้งหลายแข่งกันครีเอตหน้าตา และรสชาติออกมาอย่างสวยงาม





                    เสน่ห์ของ มาการอง”  ไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเท่านั้น แต่ว่ากันว่าลักษณะของมาการองที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่รูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ ที่มองดูจากด้านบนจะเป็นรูปวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของ เมล็ดอัลมอนด์บด ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนล่างของชิ้นขนมที่เรียกว่า  “Foot”  หรือบางคน  เรียกว่า  “Skirt”  ซึ่งมัน คือ รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งกว่าจะทำได้เช่นนั้นก็ต้องมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร  และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ  กลิ่นอันหอมหวาน  เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำ มาการองสองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม   นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ครีมยังทำให้ มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย  จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้ครีมกานาชกับเนื้อคุกกี้  ขนาดของส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่ต้องเท่า ๆ กัน  รวมทั้งไส้ที่บีบให้พอดีขอบและมองเห็นเป็นแนวเส้นเล็ก ๆโดยรอบตลอดชิ้น




                  สำหรับในเมืองไทย  ในขณะที่กิจการร้านน้ำชา กาแฟ และ เบเกอรี่ กำลังบูมกันทั่วไปในทุกฟากฝั่งของถนน  ความนิยมในขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศสนี้ก็มีเพิ่มพูนขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน  เพราะ มาการอง ( Macarons ) มีประวัติยาวนานหลายร้อยปีเหมือนเป็นขนมในตำนาน  ไม่เพียงแต่ชาวปารีสเท่านั้นแต่รวมไปถึงเหล่านักทำขนมอบทั้งหลายในหลายประเทศต่างคลั่งไคล้หลงใหลในการทำขนมชนิดนี้  คุกกี้ชิ้นเล็กๆ กลมๆ  สองชิ้นประกบกันตรงกลางมีไส้ลักษณะหน้าตาคล้ายอาหารฝรั่งที่ชื่อ แฮมเบอร์เกอร์  แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก  รสหวาน  สีสันสดใสในวันนี้  ร้านขนมเบเกอรี่ชั้นนำในเมืองไทยหลายแห่ง เริ่มหันทำขนมมาการองนี้ออกวางขายกัน  ถึงแม้ผู้บริโภคจะยังไม่ถึงกับต่อแถวรอซื้อ  แต่ผู้ที่ทำขนมนี้ได้อร่อยและงดงามน่ารับประทานเช่นเจ้าของต้นตำหรับดั้งเดิมสามารถที่จะยึดถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้แก่ตัวคุณเองได้











Special Thanks
Credit by


Friday, December 5, 2014

แบบฝึกหัดที่8

  แบบฝึกหัด

บทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม                              กลุ่มที่เรียน   2
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน                            รหัสวิชา 0026 008

ชื่อ-สกุล  คีรัยยา   พันป้อง     รหัส  57010112585


คำชี้แจง จงพิจารณากรณีศึกษานี้

1) “นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ โดยทำการระบุ IP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่ เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื่อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลอง การกระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมาย ใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย


ตอบ ผิดกฎหมายและจริยธรรม เพราะการกระทำดังกล่าวยังไม่ได้ขออนุญาตนาย A ซึ่งเป็นคนเขียนโปรแกรม เพราะการ Download โปรแกรมทางอินเทอร์เน็ตมาใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมายโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ต่อเมื่อโปรแกรมที่ผู้ใช้ Download มาใช้นั้น ถูกระบุว่าเป็นประเภทFreeware, Shareware


2) “นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตำราต่างๆ อีกทั้ง รูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียน ในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J” การ กระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย


ตอบ  ผิดกฎหมายและจริยธรรม ถ้าการกระทำดังกล่าวไม่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา  เพราะหากต้องทำการ copy รูปภาพหรือข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อื่นมาใช้งาน จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของเสียก่อน เพราะหากนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ผิดกฎหมาย หากนำไปใช้เพื่อการค้าอาจถูกฟ้องเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาได้ อย่างไรก็ตามก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพื่อการศึกษา โดยต้องมีการอ้างอิงและขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์





แบบฝึกหัดที่7

แบบฝึกหัด

บทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ                                        กลุ่มที่เรียน 2
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน   รหัสวิชา  0026 008
ชื่อ-สกุล คีรัยยา   พันป้อง     รหัสนิสิต 57010112585  



คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. หน้าที่ของไฟร์วอลล์ (Firewall) คือ   
ตอบ  คือซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ในระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ในระบบเครือข่าย หน้าที่ของไฟร์วอลล์คือเป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสาร โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย โดยความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลล์มีช่องโหว่ และนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้


2. จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์ worm , virus computer, spy ware, adware มาอย่างน้อย 1 โปรแกรม 
ตอบ  Worm หรือไมโครไวรัส(Macro virus) หมายถึง โปรแกรมซึ่งเป็นอิสระจากโปรแกรมอื่นโดยผ่านการแพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่อยู่บนเครือข่ายของการแพร่กระจายจะคล้ายกับตัวหนอนที่จะเจาะซอนไซหรือซอกซอนไปในเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆและแพร่พันธ์ไปด้วยการคัดลอก(coppy)ตนเองออกจะส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป


3. ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง
ตอบ    2 ชนิด ได้แก่    1) Application viruses จะมีผลหรือมีการแพร่กระจายไปยังโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ อาทิเช่น โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processeng) หรือโปรแกรมตารางคำนวณ เป็นต้น การตรวจสอบการติดเชื่อไวรัสชนิดนี้ทำได้โดยดูจากขนาดของแฟ้ม (File size) ว่ามีขนาดเปลี่ยนไปจากเดิมมาน้อยแค่ไหน ถ้าแฟ้มมีขนาดโตขึ้น นั่นหมายถึงแฟ้มดังกล่าวอาจได้รับการติดเชื้อจากไวรัสชนิดนี้แล้ว
       2) System viruses ไวรัสชนิดนี้จะติดหรือแพร่กระจายในโปรแกรมจำพวกระบบปฏิบัติการ Operating systems) หรือโปรแกรมระบบอื่น ๆ โดยไวรัสชนิดนี้มักจะแพร่เชื้อในขณะที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
 


4. ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ
ตอบ     1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสม         
      2.อัปเดตข้อมูลไวรัสของโปรแกรมไวรัสทุกวัน       
     3.แสกนหาไวรัสจากสื่อบันทึกข้อมูลก่อนใช้งานทุกครั้ง   
    4.ไม่ใช้สื่อ ข้อมูลที่ไม่ทราบแหล่งที่มา                                                     
    5.สำรองข้อมูลสำคัญไว้เสมอ


5. มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน ได้แก่

ตอบ      1) ICT Gate Keeper เฝ้าระวังพิษภัยอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายและวงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (Gateway) พัฒนาซอฟต์แวร์นี้โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังปิดกั้นข้อมูบไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทาง
        2) House Keeper ซึ่งจัดทำเป็นแผ่นซีดีรอม และแจกฟรีให้กับผู้ปกครองหรือดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซต์ของกระทรวง โปรแกรมนี้จะมี 3 ส่วน
                     - ส่วนแรก คิดดี้แคร์ ปิดกั้นเว็บไซต์อนาจารและเว็บที่ไม่เหมาะสมที่กระทรวงไอซีที มีข้อมูลคาดว่าจะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
                     - ต่อมาเป็นส่วนพีเพิลคลีน ติดไอคอนไวที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะคลิกเข้าไปเมื่อพบภาพลามกอนาจาร ประชาชนจึงสามารถเข้ามามีบทบาทช่วยเฝ้าระวังภัยได้เช่นกัน

                     - ส่วนสุดท้าย สมาร์ทเกมเมอร์ (Smart Gamer) แก้ปัญหาการติดแกม และควบคุมการเล่นเกมของเด็ก ๆ ผู้ปกครองจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาของการเล่นเกมและช่วยดูแลเรื่องความรุนแรงของเกม แต่ละส่วนนี้คงต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลา

แบบฝึกหัดที่6

แบบฝึกหัด

บทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน                          กลุ่มที่เรียน 2

รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน                    รหัสวิชา 0026 008     

ชื่อ -สกุล  คีรัยยา   พันป้อง     รหัส 57010112585


คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด?   
1. เทคโนโลยีสารสนเทศ   
2. เทศโนโลยี   
3. สารสนเทศ   
4. พัฒนาการ

2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?  
1. ควบคุมเครื่องปรับอากาศ 
 2. ระบบการเรียนการสอนทางไกล 
 3. การสร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 
 4. การพยากรณ์อากาศ

3. การฝากถอนเงินผ่านเอทีเอ็ม (ATM) เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?  
1. ระบบอัตโนมัติ 
 2. เปลี่ยนรูปแบบการบริการเป็นแบบกระจาย  
3. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ 
 4. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

4. ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?  
1. ระบบการโอนถ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 
 2. บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต  
3. การติดต่อข้อมูลทางเครือข่าย 
 4. ถูกทุกข้อ

5. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?    
1. การประยุกต์เอาความรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์     
2. ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี    
 3. การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ     
4. การนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล


6. เครื่องมือที่สำคัญในการในการจัดการสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?   
1. เทคโนโลยีการสื่อสาร   
2. สารสนเทศ   
3. คอมพิวเตอร์  
 4. ถูกทุกข้อ

7. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
 1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  
2. เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน หรือสอบถามผลสอบได้ 
 3. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้บุคคลทุกระดับติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว  
4. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้มีการสร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ


8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ
 1. เครื่องถ่ายเอกสาร 
2. เครื่องโทรสาร  
3. เครื่องมินิคอมพิวเตอร์ 
 4. โทรทัศน์ วิทยุ

9. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ
 1. เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานธุรกิจ  
2. พัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และการสื่อสาร 
 3. ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์  
4. จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น

10. ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?   
 1. ตรวจสอบผลการลงทะเบียน ผลการสอบได้    
2. สามารถสืบค้นข้อมูลได้จากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั่วโลกได้  
  3. ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ครู อาจารย์ หรือส่งงานได้ทุกที่   

 4. ถูกทุกข้อ

แบบฝึกหัดที่5

  แบบฝึกหัด
 บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ                                                              กลุ่มเรียนที่ 2
รายวิชา การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน    รหัสวิชา 0026008
ชื่อ - สกุล  คีรัยยา   พันป้อง                       รหัสนิสิต  57010112585
คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้


1.จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ                                                                          ตอบ การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การจัดโครงสร้าง การควบคุม การผลิต การเผยแพร่ และการใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานขององค์การทุกประเภทอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งสารสนเทศในที่หนี้ หมายถึง สารสนเทศทุกประเภทที่มีคุณค่าไม่ว่าจะมีแหล่งกำเนิดจากภายในหรือภายนอกองค์กร

2.การจัดการสารสนเทศมีความสําคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร                                       ตอบ ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษาและการทำงานประกอบอาชีพต่างๆการจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคลรวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ    ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์กรในด้านการบริหารจัดการ การดำเนินงานด้านกฎหมาย                       

3.พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุค อะไรบ้าง                                                 ตอบ 2 ยุค (1) เป็นการจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ  (2) การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์                        

 4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง           ตอบ 1.การจัดการในการแบ่งเวลาเข้าเรียน เวลาพักผ่อน เวลาออกกำลังกายในแต่ละวัน 

 2.การจัดการเงินในการซื้อหรือใช้จ่ายในแต่ละวัน    

 3.การจัดการเวลาในการควบคุมอาหารเพื่อที่จะควบคุมน้ำหนักในแต่ละวัน


Sunday, September 28, 2014

เวนิส (Venice)

        เมืองเวนิส (Venice)
               
          เมืองเวนิส (Venice) หรือ เมืองเวเนเซีย (Venezia) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่รู้จักกันในด้านของความเจริญรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges), และ เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)... โดยเมืองเวนิส นั้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต (Veneto) 1 ใน 20 แคว้นที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี และยังเป็นแคว้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศ เป็นแคว้นที่มีความมั่งคั่งและเป็นแหล่งอุตสาหกรรมมากที่สุดในประเทศอิตาลี และยังเป็นแคว้นหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดแห่งหนึ่ง



      เมืองเวนิส ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมหมู่เกาะขนาดเล็กประมาณ 118 เกาะเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย (Venetian Lagoon) ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ (Po and the Piave Rivers) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก (Adriatic Coast) ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี โดยทั้งเมืองและทะเลสาบได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1987




เกาะซานจอร์โจ แมกจอเร



                    เนื่องจากว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเวนิสนั้นถูกโอบล้อมไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่ การคมนาคมภายในเมืองเวนิสจังนิยมใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด โดยมีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่างๆของเมืองมีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมความงดงามของเหล่าอาคาร ร้านค้า รวมไปถึงบ้านเมืองที่ตั้งอยู่ตลอดสองฝั่งคลองที่ไหลคดเคี้ยวไปทั่งเมืองอีกด้วย สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองเวนิสนั้น สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เกาะซานจอร์โจ แมกจอเร (San Giorgio Maggiore) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เปียซซ่า ซาน มาร์โก (Piazza San Marco) หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ค (St Mark's Square) จัตุรัสสาธารณะหลักที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส




โบสถ์ซานจอร์โจ แมกจอเร 



                 สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของเกาะซานจอร์โจ แมกจอเรคือ โบสถ์ซานจอร์โจ แมกจอเร (Church of San Giorgio Maggiore) คริสตจักรนิกายเบเนดิกในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีชื่อเดียวกับกันเกาะ โดยโบสถ์สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวในสไตล์คลาสสิกและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือในช่วงระหว่างปี 1566 - 1610 ได้รับการออกแบบโดย Andrea Palladio 



มหาวิหารเซนต์มาร์ค 



               มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St Mark's Basilica ) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนเปียซซ่า ซาน มาร์โก เป็นมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิกอัครสังฆมณฑลแห่งเวนิส (Roman Catholic Archdiocese of Venice) เป็นมหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองเวนิส และยังเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของมหาวิหารที่สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบเซนไทน์  มหาวิหารเซนต์มาร์ค ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเปียซซ่า ซาน มาร์โก ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญมาร์ค ผู้ซึ่งเป็นที่นับถือในเวนิส ในฐานะนักบุญผู้เผยแผ่ศาสนาที่อิยิปต์ และถูกประหารชีวิต จุดเด่นของโบสถ์ที่ซานมาร์โคอยู่ที่การมีโดมถึง 5 โดม ได้รับการตกแต่งด้วยศิลปะที่แตกต่างกัน ทางด้านหน้าได้รับการประดับด้วยรูปปั้นของนักบุญมาร์ค และรูปปั้นม้าบรอนซ์ 4 ตัว ซึ่งว่ากันว่าขโมยมาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล




หอระฆังเซนต์มาร์ค 



               หอระฆังเซนต์มาร์ค (St Mark's Campanile) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของเมืองเวนิส โดยหอระฆังตั้งอยู่ใกล้ด้านหน้าของมหาวิหารเซนต์มาร์ค โดยหอระฆังมีความสูงประมาณ 98.6 เมตร (323 ฟุต) ปัจจุบันหอระฆังแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สำคัญและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส



ปาลาซโซ ดูคาเล่ 



                      ปาลาซโซ ดูคาเล่ (Palazzo Ducale) หรือ พระราชวังดอดจ์ (Doge's Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นในแบบเวนีเชี่ยนโกธิค (Venetian Gothic style) โดยพระราชวังถูกใช้เป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองเวนิส และต่อมาถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1923 โดยพิพิธภัณฑ์ดำเนินการโดย Fondazione Musei Civici di Venezia



แกรนด์คาแนล (เวนิส) 



                   แกรนด์คาแนล (เวนิส) (Grand Canal (Venice)) คลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่า หรือที่เราเรียกกันว่าเรือแจว ลัดเลาะไปตามคลองที่มีความยาวประมาณ 3,800 เมตร และมีความกว้างประมาณ 30-90 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆของเวนิสมากมาย โดยจุดแรกที่จะได้ชมคือ โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลลา ซาลูท (Santa Maria della Salute) โบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ที่ปากทางเข้าแกรนด์คาแนล เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่จัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเวนิส โบสถ์แบบบาโร้กขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อขอบคุณพระเจ้าในโอกาสที่โรคระบาดได้หายไปจากเวนิสในปี ค.ศ. 1630 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1687 ห้าปีหลังจากผู้ริเริ่มสร้างโบสถ์ได้เสียชีวิต



สะพานซิงห์ 



       สะพานซิงห์ (Bridge of Sighs) สะพานเก่าแก่ที่เชื่อมต่อระหว่างวังดูคาเลกับคุกเก่า เป็นเส้นทางลำเลียงนักโทษเข้าสู่ตัวคุก ออกแบบโดย Antoni Contino ในปี ค.ศ.1602 สร้างมาจากหินปูนสีขาว มีช่องหน้าต่างให้มองออกมาได้ เพื่อให้นักโทษได้ชมความสวยงามของท้องฟ้า และทะเลแห่งเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต โดยชื่อ Lord Byron ได้ตั้งชื่อว่าสะพานซิงห์ ในศตวรรษที่ 19 เนื่องมาจากนักโทษจะได้ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายที่ สะพานแห่งนี้นั่นเอง

***เรือกอนโดลา อีกสัญลักษณ์หนึ่งของเวนิส มีความเชื่อมาว่า ถ้าคู่รักได้จูบกัน เมื่อตอนระฆังปาไนล์ดังตอนเย็น ขณะลอดข้ามสะพานถอนหายใจ ถือว่าคนนั้นจะรักกันยืนนาน***




สะพานริอัลโต 



            สะพานริอัลโต (Rialto) เดิมทีเป็นสะพานไม้ และสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 หลังจากที่พังทลายลง สะพานหินก็ถูกสร้างขึ้นทดแทน และเป็นสะพานข้าม Grand Canal เพียงแห่งเดียวจนถึงปี ค.ศ. 1854 จนกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และค้าขายแลกเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเวนิส ใครที่มาเวนิสแล้วไม่ได้มาข้ามสะพานนี้ถือว่ามาไม่ถึง เป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญแห่งหนึ่ง รอบๆ สะพานเป็นย่านขายของที่ระลึกและตลาดขายของสด

      นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมาหมาย อาทิเช่น โบสถ์ซานตา มาเรีย กลอริโอซา เดอิ ฟรารี (Santa Maria Gloriosa dei Frari) , พิพิธภัณฑ์ แก้วมูราโน่ (Murano Glass Museum) , แกลเลอรี่เดลแอคคาเดเมีย (Gallerie dell'Accademia) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก.....










Special Thanks..
Credit by

http://travel.thaiza.com/travel/242130/
http://travel.mthai.com/world-travel/32088.html
http://pirun.ku.ac.th/~b5310700633/venice.html